หลายคนคงคุ้นเคยกับการจิบกาแฟตอนเช้าทุกวัน เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่สามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดชื่น แต่รู้หรือไม่คะ ว่าพฤติกรรมแบบนี้อาจจะทำให้เรามีอาการติดคาเฟอีน ซึ่งหากวันไหนที่เราไม่ได้กินกาแฟ ก็จะรู้สึกปวดหัว กระสับกระส่าย ทำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ ง่วงนอน และส่งผลเสียต่อสุขภาพค่ะ หากสาวๆ เป็นคนที่กินกาแฟเป็นประจำ แล้วอยากจะเลิกกินกาแฟ แต่กลัวว่าหากไม่กินกาแฟแล้วจะมีอาการปวดหัว วันนี้เราก็มีวิธีแก้มาให้ค่ะ จะต้องทำแบบไหนบ้าง ตามเรามาดูได้เลย
👉 1. กินกาแฟแบบเจือจาง
ลองผสมน้ำเพิ่มและลดปริมาณกาแฟลง เพื่อให้เจือจางมากขึ้นค่ะ แบบนี้ก็จะทำให้เรายังสามารถรับคาเฟอีนได้ เพียงแต่คาเฟอีนจะลดน้อยลง โดยค่อยๆ ผสมกาแฟแบบเจือจางแบบนี้เรื่อยๆ ทำทุกวันก็จะช่วยให้เราสามารถลดการกินกาแฟลงได้ค่ะ

👉 2. ลดปริมาณ
หากสาวๆ เป็นคนที่กินกาแฟเกินวันละ 1 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ลดลงมาเหลือเพียงวันละแก้วก็พอค่ะ เพราะใน 1 วัน เราควรรับคาเฟอีนไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่กาแฟ 1 แก้วจะมีคาเฟอีนประมาณ 100 – 120 มิลลิกรัม ซึ่งในบางครั้งถ้าชงกาแฟที่เข้มมากๆ คาเฟอีนก็จะยิ่งมากตามขึ้นไปอีกค่ะ

👉 3. เปลี่ยนไปดื่มอย่างอื่น
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนนั้นไม่ได้มีเพียงกาแฟอย่างเดียวค่ะ เพราะในชาหรือโกโก้ ก็มีคาเฟอีนเช่นเดียวกัน เพียงแต่เบาบางกว่า การเปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มแบบนี้ก็จะเป็นการช่วยให้เรารับคาเฟอีนน้อยลงได้และค่อยๆ ห่างจากกาแฟได้ในที่สุดค่ะ

👉 4. ดื่มน้ำเยอะๆ
ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำควรระวังเรื่องของโรคกระดูกบาง กระดูกพรุนค่ะ เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์ในการยับยิ้งการดูดซึมแคลเซียมและยังขับน้ำออกจากร่างกายอีกด้วย การดื่มน้ำเข้าไปจึงเป็นการเติมน้ำที่ถูกขับออก ทำให้เราไม่สูญเสียน้ำ รวมถึงการดื่มน้ำยังเป็นการบรรเทาอาการปวดหัว ลดอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้ค่ะ

👉 5. ทานอาหารเช้า
บางคนที่ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวในช่วงเช้า โดยที่ไม่ได้กินอาหารแบบอื่นเลย แบบนี้อาจจะทำให้เสียสุขภาพได้ค่ะ ลองเปลี่ยนจากการกินกาแฟเต็มๆ 1 แก้ว เป็นการกินกาแฟสักครึ่งแก้วคู่ไปกับการกินอาหารเช้าอื่นๆ แบบนี้ก็จะทำให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว เป็นการค่อยๆ ถอนคาเฟอีนออกจากร่างกายได้ค่ะ